
Le Du ฤดู
อิ๊งค์ Eat All Around

















Le Du ฤดู
นักชิมอาหารระดับไฟน์ไดนิ่งคงแทบไม่มีใครไม่รู้จัก เชฟต้น ธิติฏฐ์ ทัศนาขจร เชฟชื่อดังในวงการอาหารนานาชาติ และกรรมการจากรายการ Top Chef Thailand ผู้มีประสบการณ์ในร้าน 2 และ 3 ดาวมิชลินในนิวยอร์กมาแล้ว
ซึ่งเชฟต้นมีร้านอาหารแนวทันสมัยสุดเนี้ยบที่ผสมผสานกลิ่นอายความเป็นไทยอยู่หลายแห่ง รวมทั้งร้านระดับ 1 ดาวมิชลิน Le Du ในกรุงเทพฯ เปิดมาแล้ว 9 ปี ซึ่งในปี 2022 นี้ยังติดอันดับ 4 ของ Asia’s 50 Best Restaurants อีกด้วย
ชื่อร้าน Le Du มาจากคำว่า ฤดู ในภาษาไทยนั่นเอง อยากเรียกอย่างไหนก็ได้ ความหมายคือที่ร้านนี้ปรุงอาหารเชฟเทเบิลไทยโมเดิร์นไฟน์ไดนิ่งชั้นเลิศ เน้นการใช้วัตถุดิบตามฤดูกาลนั่นเอง
แน่นอนว่าถ้าใครอยากมาลิ้มลองที่ร้าน เลอดู ก็ต้องจองล่วงหน้าในเว็บไซต์ Ledubkk.com โดยมีให้เลือกระหว่างคอร์สเมนูสำหรับชิมหรือ Tasting Menu 4 คอร์ส คนละ 2,990 บาท++ และ 6 คอร์ส คนละ 3,590 บาท++ ซึ่งถ้ามาเป็นกลุ่มเกิน 5 คนขึ้นไป จะต้องจองเมนู 6 คอร์ส สามารถแจ้งได้ว่าใครแพ้อาหารอะไร ลืมบอกไปว่าไหนๆมาแล้วให้สั่งเมนูซิกเนเจอร์พิเศษเพิ่มด้วย นั่นคือคอร์สกุ้งแม่น้ำ ในราคาคนละ 1,000 บาท++ ห้ามพลาดเลยนะจ๊ะ
เวลามาที่ร้านเลอดูให้จอดรถได้ที่อาคาร Trinity Complex ซึ่งเข้าจากสีลมซ.3 หรือซ.นราธิวาสราชนครินทร์ 3 ก็ได้ จากนั้นเดินออกทางประตูด้านหลังอาคารตรงมาที่ร้านเลอดูในซอยสีลม 7 ได้เลย ใกล้กันมากๆ หรือจะใช้บริการรถไฟฟ้า BTS มาลง สถานีช่องนนทรี ทางออกที่ 4 แล้วเดินเข้าซอยจากถนนนราธิวาสราชนครินทร์ ตัวร้านเลอดูอยู่ในบ้าน 3 ชั้นสีเขียวมองเห็นได้ชัดเจน
พวกเราจัดเต็ม 6 คอร์ส ซึ่งจะมีเมนูดังขึ้นชื่อของเลอดูชื่อว่า ข้าวแช่ ไทยโมเดิร์นรวมอยู่ด้วย เริ่มต้นกันด้วยเมนูกินเล่นเรียกน้ำย่อยที่เรียกว่า amuse-bouche คำแรกคือ ส้มตำผลไม้ 4 อย่างกับโหระพา หน้าตาทันสมัยใส่มันแกว แคนตาลูป แก้วมังกร และชมพู่ อีกคำคือหอยเชลล์ทำพอสุกเสิร์ฟเย็นๆวางมาบนเปลือกหอย ใส่องุ่นและผักชีอีมัลชั่น
ต่อด้วยปลาหมึกย่างกับมะพร้าวและมูสมะพร้าวคั่ว และของกินเล่นอย่างสุดท้ายเป็นข้าวยำโมเดิร์น คลุกพริกแกงโปะหน้าด้วยทาร์ทาร์ปลาใส่พริก มีใบชะพลูทอดประกบ เหมือนกินแซนด์วิชโมเดิร์น
จากนั้นก็เสิร์ฟคอร์สแรก กุ้งแชบ๊วยระนองกับอีมัลชันไข่แดง เจลมินต์เลมอน มีหนังไก่ที่ infuse รสชาติต้มแซ่บเข้าไป แกล้มกับทับทิมกรอบทำจากแรดิชดอง องค์ประกอบอื่นๆมีเห็ด พริกเผาทำเอง และแมงกะพรุน จะเห็นได้ว่าใส่ความคิดสร้างสรรค์หลากหลายมากๆ
ถัดมาคือคอร์สซิกเนเจอร์ของเลอดู ข้าวแช่ ที่ไม่มีข้าว แต่กินกับไอศกรีมรสมะลิออร์แกนิกจากราชบุรีแทน เย็นๆหอมชื่นใจจริงๆ ซึ่งเครื่องข้าวแช่ต่างๆจะมีรสสัมผัสและหน้าตาทันสมัยมากๆ ทั้งหมูสับปลาเค็มกับกุ้ง หมูฝอย หัวไชโป๊วพิวเร พริกหนุ่มย่าง ลูกกะปิ
ตามด้วยคอร์สท่องอีสาน กับอ่อมไข่มดแดงโมเดิร์น เวลากินไม่ต้องคลุก ให้ตักกินกับซอสแกงอ่อมผสมพิวเรฟักทองตรงกลาง ล้อมรอบด้วยไข่มดแดง มีองค์ประกอบอื่นๆอีกเพียบ เช่น ฟักทองดอง ผักหวาน หน่อไม้สด ไข่มดแดงทอด
จากนั้นคือคอร์สกั้งกระดานตราดย่าง เคลือบชัทนีย์รสเค็มใส่ถั่วลิสง มีแครอตย่าง และของดองต่างๆเช่น เจลแครอทดอง หอมแดงดอง อีกทั้งเจลพริกระฆัง ผักชีอีมัลชัน
ส่วนจานหลักคือ อกเป็ดบ่มหรือ Aged จนนุ่ม จี่แค่พอสุก กินกับซอสเขียวหวาน แกล้มคะน้าย่าง ยำคะน้า พิวเรหน่อไม้ฝรั่ง มีลูกเล่นกับกาแฟ ประกอบด้วย อีมัลชันกาแฟสีขาวๆ และเจลกาแฟสีเข้ม
ของคาวยังไม่หมด เพราะมีเมนูพิเศษที่เราสั่งเพิ่มต่างหาก กุ้งแม่น้ำตาปีย่างราดซอสต้มยำบิสก์หัวกุ้งกินกับข้าวดำดอยคลุกกะปิ แยมหมูหวาน และเครื่องข้าวคลุกกะปิต่างๆ บีบมะนาวเพิ่มความเปรี้ยวสดชื่น
คั่นล้างปากด้วยไอศกรีมมะม่วงซอร์เบต์กับเลมอน และเยลลีน้ำดอกอัญชัน ต่อด้วยของหวานที่มีแรงบันดาลใจจากโอเลี้ยง ไอศกรีมน้ำลำไย รากบัว พุทรา จับคู่กับกาแฟหอมๆอีก 1แก้ว ปิดท้ายด้วยขนม Petit four ขนมหยกมณีกับขนมเผือก และมีผลไม้ให้ด้วย
ร้านเลอดู เปิดบริการมื้อเย็นตั้งแต่ 6 โมงเย็นจนถึง 4 ทุ่ม หยุดทุกวันอาทิตย์ โทร 092-919-9969 อย่าลืมจองล่วงหน้าที่ เว็บไซต์ Ledubkk.com นะจ๊ะ