North Restaurant
อิ๊งค์ Eat All Around
North Restaurant
ร้านอาหารเหนือในเมืองกรุงหากินได้ค่อนข้างยาก เมื่อเทียบกับร้านอาหารอีสานซึ่งแค่ออกไปปากซอยก็เจอรถเข็นขายส้มตำแล้ว แต่คราวนี้ดีใจมากได้ค้นพบร้านอาหารเหนือที่ยกระดับขึ้นไปอีกขั้น เพิ่งเปิดตัวเมื่อต้นปีนี้เอง เป็นร้านอาหารล้านนา Fine dining ซึ่งนำวัตถุดิบพื้นถิ่นภาคเหนือและวัฒนธรรรมการกินแบบขันโตก มาผสมผสานกับเทคนิคการทำอาหารสมัยใหม่ รังสรรค์ให้เป็นคอร์สล้านนาดูดีมีลูกเล่นสไตล์เชฟเทเบิล ร้านนี้มีชื่อว่า North Restaurant
ตัวร้านอยู่ในบ้านโบราณอายุร่วมร้อยปี ในซอยสุขุมวิท 33 ทั้งโซนที่นั่งรวมและห้องส่วนตัว ตกแต่งใหม่ในธีมล้านนาประยุกต์ เช่นมีโมบายเครื่องแขวนขนาดใหญ่รูปทรงคล้ายขนมจ๊อกดูเก๋มาก มี
ซึ่งเจ้าของร้าน North น้องออน อรกานดา อรรถวิภัชน์ นั้นมีความคุ้นเคยกับผมมานาน ครอบครัวนี้พื้นเพเป็นคนลำปาง และได้เชฟชุมพล แจ้งไพร เชฟชื่อดังซึ่งสนิทกับที่บ้านมาช่วยให้คำปรึกษาแนะนำตั้งแต่เริ่มแรก โดยทีมงานนั้นนำทีมโดยเชฟนุ ภานุพงษ์ ส่องแสง เชฟชาวเชียงราย โดยผู้ช่วยมีทั้งเชฟชาวเหนือและเชฟที่ร่ำเรียนจากสถาบันอาหารระดับโลก
เฉพาะช่วงมื้อเย็นร้าน North จะเปิดบริการอาหารเหนือไฟน์ไดนิ่ง 8 คอร์ส ในราคา 2,888 บาท++ ต่อคน มีกลิ่นอายล้านนาผสมผสานอยู่เต็มที่ ขนาดขนมปังซาวเออร์โดยังผสมใบเมี่ยงหมัก 2 ปี ทาด้วยเนยกระเทียมดำและเนยผสมผักแพว
เริ่มต้นกันด้วยของกินเล่นคำเล็กๆเรียกน้ำย่อยหรือ Amuse bouche 3 คำ ประกอบด้วย ไส้อั่วนอร์ธหมูนุ่มคุโรบุตะโปะหน้าด้วยน้ำพริกหนุ่มที่มีแคบหมูบดผสมกับมะแขว่น อีกคำเป็นโครเก็ตสอดไส้ตำขนุนกับชีสเชียงใหม่โฮมเมด และมีแกงกระด้างเห็ดรวมกินกับบิสกิตผักกาดฮีน
จากนั้นจะเสิร์ฟจานแรกด้วย ยำส้มโอพิจิตรคาเวียร์น้ำปู๋ ซึ่งนำปูนามาตำสดและเคี่ยวจนข้นๆ ทำเป็นเม็ดกลมๆเล็กๆ กินกับกุ้งลายเสือย่าง
คอร์สถัดมามีลูกเล่นใช้วัตถุดิบชั้นดีระดับโลกคือ ส้าจิ้นทาร์ทาร์เนื้อวากิว ส้าจิ๊นหรือส้าเนื้อคืออาหารล้านนาที่ปรุงจากเนื้อ คลุกเคล้ากับพริกลาบ โดยที่นอร์ธใช้เนื้อวากิวมิยาซากิเกรด A5 เกรดดีสุด ใส่เครื่องปรุงสมุนไพร 13 ชนิด โปะด้วยไข่ออร์แกนิกที่ทำให้สุกอย่างช้าๆด้วยกรรมวิธีซูวี้ดที่อุณหภูมิ 65 องศา นาน 2 ชั่วโมง หอมมันอร่อย แกล้มด้วยบีทรูตดอง ถ้าไม่กินเนื้อก็จะเปลี่ยนเป็นปลาฮามาจิแทนให้
ต่อด้วยอาหารเหนือที่ไม่น่าเชื่อว่าจะมีเสิร์ฟในรูปแบบไฟน์ไดนิ่งด้วย กับเมนูแอ๊บอ่องออ หรือแอ๊บสมองหมูคลุกเคล้ากับพริกแกง ห่อใบตอง และนำไปปิ้งหรือย่างไฟอ่อนจนสุกหอม บดละเอียดจนเนียนคล้ายปาเต้ตับของฝรั่งเศส เวลากินให้ทากับขนมปังซาวเออร์โดใบเมี่ยงและทาทับด้วยชัทนีย์หรือแยมสับปะรดภูแลจากเชียงราย ให้มีรสหวานอมเปรี้ยวแก้เผ็ด
คอร์สถัดมา ทอร์เทลลินีข้าวซอยเชียงรายยัดไส้ไก่บ้านออร์แกนิก เกี๊ยวอิตาเลียน ไส้มูสไก่บ้านออร์แกนิก ราดด้วยน้ำข้าวซอยกับโฟมกะทิ มีแท่งพัฟเพสตรี้วางพาดขอบชาม หยอดด้วยชัทนีย์บีตรูตคลุกน้ำผักกาดดองด้านบน สามารถหักแท่งแป้งพัฟจุ่มในน้ำซุปกินได้ด้วย
จากนั้นล้างปากด้วยไอศกรีมซอร์เบต์มะเกี๋ยงกุหลาบเวียงพิงค์ มะเกี๋ยงหรือลูกหว้ามีรสเปรี้ยวอมหวาน
เมนูต่อมามีให้เลือก 2 อย่าง คือแกงฟักทองปลากะพงแม่น้ำน่าน ไข่ปลาริวกิว ทอดปลาจนหนังกรอบนอกนุ่มใน ส่วนไข่ปลาริวกิวดองด้วยน้ำคล้ายน้ำอาจาดกับเหล้าหมาใจดำนาน 3 วัน แต่งด้านบนด้วยผักไมโครโหระพา ส่วนคนกินเนื้อสามารถสั่ง เนื้อวัวไทยแองกัสย่างถ่าน ที่บ่มแห้งหรือ Dry-aged นาน 30 วัน ราดน้ำเงี้ยวดอกงิ้วป่าเชียงรายทำเข้มข้นเทียบเท่ากับซอสโบโลเนส แต่เป็นรสชาติน้ำเงี้ยว
ถึงคิวไฮไลท์หลักของร้านคือ นอร์ธขันโตก เสิร์ฟมาในขันโตกเล็กๆ ประกอบด้วยน้ำพริกมะแขว่น แกล้มด้วยผักตามฤดูกาลเช่นผักปลัง แตงไทยอ่อน มะเขือไข่เต่า ยอดมะตูม มีจิ้นส้มนุ่มหมกไข่ชิ้นสี่เหลี่ยม แกงฮังเลเนื้อน่องลายวากิว หรือเปลี่ยนเป็นสันคอหมูคุโรบูตุ และลาบคั่วหมูคุโรบูตะปรุงด้วยเครื่องเทศ 13 อย่าง กินกับข้าวเหนียว 3 สายพันธุ์ เช่นข้าวเหนียวสันป่าตอง ข้าวเหนียวกข. หรือข้าวหอมมะลิเชียงราย เติมกับได้ไม่อั้น
ส่วนของหวานคือ มูสส้มสายน้ำผึ้งจากอำเภอฝางผสมชีสมาสคาโปเน่และช็อกโกแลตขาว หน้าตาเหมือนผลส้มจริงๆ กินกับข้าวแต๋น
ปิดท้ายด้วยขนม Petit Four ชิ้นเล็กๆ 4 อย่าง มีช็อกโกแลตมอคค่าทรัฟเฟิลของเชียงใหม่ ชูครีมมัทฉะใช้ผงชาเขียวของเชียงราย ข้าวแต๋นผสมช็อกโกแลตขาวและน้ำผึ้งกับสตรอว์เบอร์รี่ และข้าวปุกงาแป้งข้าวเหนียวไส้งาขี้ม้อน กินกับชาอู่หล่งผสมลาเวนเดอร์และกุหลาบ
โดยผมได้ไปชิมคอร์สเปิดตัวฤดูกาลแรกมาตั้งแต่เมื่อกลางปี ซึ่งตอนนี้คือคอร์สอาหารซีซัน 2 เปลี่ยนใหม่เกือบทั้งหมด เช่น ขันโตกประกอบด้วยแกงฮังเล ผัดผักเชียงดาใส่ไข่และกระเทียมดำลำพูน น้ำพริกอ่องไก่บ้าน ไส้อั่วหมูคุโรบุตะ แคบหมู และเมนูข้าวซอยใช้พาสต้าเส้นเล็กแองเจิลแฮร์ใส่กุ้งแม่น้ำย่าง ส่วนของหวานตัวใหม่ มูสครีมแตงไทยกับวุ้นโยคังถั่วเขียวใบเตยและไอศกรีมซอร์เบต์สตรอว์เบอร์รี่เชียงใหม่ จึงสามารถกลับไปกินได้อีกอยู่เรื่อยๆโดยไม่ซ้ำกัน
ใครสนใจเปิดประสบการณ์การกินอาหารเหนือตื่นตาตื่นใจในรูปแบบไฟน์ไดนิ่ง จองโต๊ะล่วงหน้าได้ที่ Line @northbkk8 หรือโทร 061-426-2642 หรือจองผ่าน Chope ซึ่งมีลิงก์ในเฟซบุ๊ก North Restaurant
และมีข่าวดีตอนนี้ที่ North เปิดบริการมื้อกลางวัน มีอาหารเหนือแบบอลาคาท สั่งเป็นอย่างๆได้ไม่ต้องเป็นคอร์ส เช่น ชุดขันโตก ขนมจีนน้ำเงี้ยว ข้าวซอยกุ้งแม่น้ำน่าลิ้มลองมาก ราคาเริ่มต้นที่ 288 บาท++ วอล์กอินได้เลยไม่ต้องจอง เปิดตั้งแต่ 11 โมงครึ่งจนถึงบ่าย 2 โมงครึ่งนะจ๊ะ